สร้างอนาคตเกษียณสุข ผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

10 กันยายน 2568
อ่าน 4 นาที



หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “เกษียณไม่ใช่จุดจบ…แต่คือการเริ่มต้นชีวิตอย่างมีอิสรภาพ” แล้วบ้าง

บทความนี้ อยากชวนให้ทุกท่านลองหลับตานึกภาพตัวเองในวัยเกษียณดูสักครู่ เห็นอะไรบ้าง? คำตอบอาจเป็น
ชีวิตที่เรียบง่าย ได้เดินทางท่องเที่ยว หรือการใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน แต่คำถามคือ “ทุกท่าน
เตรียมพร้อมเกษียณแล้วหรือยัง?”

หลายคนอาจเคยได้ยินว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่จะก้าวสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด”
(Super-aged Society) อย่างเต็มตัว ในอีก 10 ข้างหน้า โดยจะมีประชากรไทยอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
มากกว่า 28% ของประชากรทั้งประเทศ ถือเป็นความท้าทายของประเทศหากคนไทยจำนวนมากยังขาดการ
วางแผนทางการเงินเพื่อเกษียณ

ในบริบทเช่นนี้ “การออมเพื่อวัยเกษียณ” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับเงินเดือนเป็นรายได้
ประจำ และมีโอกาสเข้าร่วม “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” หรือ PVD (Provident Fund) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือ
ที่จะช่วยให้มีเงินเพียงพอยามเกษียณ

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยความสมัครใจของนายจ้างและลูกจ้าง โดยเงินของกองทุน
มาจาก “เงินสะสม” ที่ลูกจ้างจ่ายและ “เงินสมทบ” ที่นายจ้างจ่ายในอัตรา 2% - 15% ของค่าจ้าง ซึ่งเงิน
สะสมและเงินสมทบนี้จะถูกนำไปลงทุนต่อ เพื่อให้เกิดผลตอบแทนในระยะยาว

ข้อดีของการออมผ่านกองทุน PVD คือ ลูกจ้างได้เงินเพิ่มจากนายจ้าง ได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษี และ
ได้ผู้เชี่ยวชาญมาบริหารเงินให้ตามนโยบายการลงทุนที่เลือกไว้ซึ่งการหักอัตโนมัติทุกเดือนนี้ ยังช่วยสร้างวินัย
การออมได้อย่างต่อเนื่อง

แต่ปัจจุบันกองทุน PVD ยังไม่ครอบคลุมแรงงานไทยในระดับที่น่าพอใจ โดยมีสมาชิกประมาณ 3 ล้านคน
คิดเป็นเพียงประมาณ 17% ของแรงงานภาคเอกชนในระบบ และยังพบว่า 87% ของสมาชิกมีเงินสะสมต่ำกว่า
3.1 ล้านบาท ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายหลังเกษียณที่ยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ

เพราะด้วยข้อจำกัด เช่น นายจ้างบางรายยังไม่ได้จัดตั้งกองทุนให้ลูกจ้าง ลูกจ้างบางส่วนยังไม่สมัครเป็นสมาชิก
แม้มีสิทธิสมาชิกส่วนใหญ่ยังออมในสัดส่วนที่ต่ำ และเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอาจไม่เพียงพอในระยะ
ยาว ระบบการจัดการเงินไม่มีความยืดหยุ่นพอ หากสมาชิกมีวิกฤตทางการเงินอาจตัดสินใจลาออกจากกองทุน
ส่งผลเสียต่อแผนการออมในระยะยาว

เพื่อยกระดับระบบการออมของประเทศให้เข้มแข็งและทั่วถึงมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีเป้าหมายส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพการเงินที่ดี เพื่อยามเกษียณอย่างเพียงพอ
ผ่านสูตรสำเร็จ 3 อ. คือ “ออมเร็ว” เริ่มต้นออมไว ส่งเสริมให้ลูกจ้างเข้าร่วมกองทุน PVD โดยง่าย “ออม
มาก” เพิ่มสัดส่วนการออมของลูกจ้าง และ “ออมเป็น” จัดให้ลูกจ้างมีทางเลือกการลงทุนอย่างที่เหมาะสม

เพื่อให้ตอบโจทย์การออม ก.ล.ต. จึงปรับปรุง พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (พ.ร.บ. PVD) ให้
สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเป้าหมายของการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพ ด้วยการเพิ่มความยืดหยุ่นและขยายโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงระบบการออมให้มากยิ่งขึ้น เช่น
การกำหนดให้ลูกจ้างของนายจ้างที่มีกองทุน PVD ใช้ระบบการสมัครโดยอัตโนมัติ (Automatic Enrollment)
ที่จะเป็นสมาชิกโดยไม่ต้องยื่นสมัครเอง แต่ยังคงมีสิทธิปฏิเสธได้หากไม่ประสงค์เข้าร่วม แนวทางนี้เคยประสบ
ความสำเร็จในต่างประเทศที่มีอัตราการเข้าร่วมเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้สมาชิกในกรณีที่สมาชิกรายใดประสบปัญหาทางการเงิน อาจสามารถหยุด
ส่งเงินสะสมชั่วคราว (pension holiday) โดยไม่จำเป็นต้องลาออกจากกองทุน อีกทั้งยังเปิดให้สมาชิกเพิ่มเงิน
สะสมได้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน

การปรับปรุง พ.ร.บ. PVD ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตหลังเกษียณของสมาชิกให้มีทางเลือกมากขึ้นในการจัด
การเงินออมตามสถานการณ์ชีวิตจริง มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนที่เหมาะสม สร้างแรงจูงใจ
ให้ออมมากขึ้น เพราะระบบออกแบบให้ยืดหยุ่น ไม่ตึงจนเกินไป

การเตรียมตัวรับมือกับวัยเกษียณไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เริ่มต้นวันนี้เพื่ออนาคตที่เราควบคุมได้ก.ล.ต. ขอ
เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คนไทยเกษียณสุขผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

                                            ​*******************************
จากบทความ "สร้างอนาคตเกษียณสุข ผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" โดยนางสาวอาชีนี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  ในคอลัมน์ "เล่าให้รู้กับ ก.ล.ต." นสพ. ประชาชาติธุรกิจ